โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมการปลูกป่าชายเลน ผลักดันการสร้างคาร์บอนเครดิต ตามแนวคิด BCG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมการปลูกป่าชายเลน ผลักดันการสร้างคาร์บอนเครดิต ตามแนวคิด BCG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมการปลูกป่าชายเลน ผลักดันการสร้างคาร์บอนเครดิต ตามแนวคิด BCG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าหมายฟื้นฟูป่าชายเลนให้ได้ในจำนวน 300,000 ไร่ ภายใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 สะท้อนความมุ่งมั่นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วน ตามแนวคิด BCG บรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมวางรากฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้คงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อส่งต่อถึงคนในรุ่นใหม่ในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนในประเทศมีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ประเทศไทยมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ จำนวน 1.5 ล้านไร่ ซึ่งป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่สำคัญต่อสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่งทะเล สามารถดูดซับคาร์บอนได้ถึง 8 – 9 เท่า เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์นานาชนิดที่เข้ามาเพาะพันธุ์ ช่วยดูดซับน้ำเสียจากชุมชนก่อนไหลลงสู่ทะเล และยังทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันการกัดเซาะพังทลาย กำบังคลื่นลม และเป็นแหล่งประมงชายฝั่งอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้บูรณาการความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถผลักดันให้เกิดป่าชายเลนเพิ่มขึ้นในประเทศกว่า 200,000 ไร่ โดยมีผลการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม เช่น
– ตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้ได้ในจำนวน 300,000 ไร่ ภายใน 10 ปี ซึ่งเมื่อปี 2565 สามารถฟื้นฟูได้แล้วกว่า 40,000 ไร่ และขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศพื้นที่เป้าหมายเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนอีก 30,000 – 40,000 ไร่ โดยจะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยในการดูดซับคาร์บอนลดการเรือนกระจกและเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำ สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนได้ในระยะยาว
– โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตจำนวน 300,000 ไร่ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.) โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตสำหรับบุคคลภายนอก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานเอกชนต่าง ๆ เข้ามาร่วมโครงการปลูกป่า 2.) โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชนที่ดูแลป่าชุมชนชายฝั่งต่าง ๆ และครือข่ายอนุรักษ์ต่าง ๆ ที่ดูแลป่า
– โครงการ “ป่าในเมือง” ในจังหวัดระยอง หรือ “ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” โดยเป็นพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน 500 ไร่ บริเวณปากแม่น้ำระยอง ตำบลปากน้ำและตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง มีสะพานศึกษาธรรมชาติเป็นทางเดินยาว 7 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะถูกนำมาสร้างคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้จัดตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Department of Climate Change and Environment) หรือ “กรม Climate Change” เพื่อดูแลภารกิจรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพแวดล้อม บริบทด้านสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน จะเป็นต้นแบบสำคัญในการวางรากฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้คงความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน เพื่อส่งต่อถึงคนในรุ่นใหม่ในอนาคต สอดคล้องกับแนวคิด BCG ที่รัฐบาลเน้นย้ำ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งคาร์บอนเครดิตจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจสำคัญให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว
ข้อมูล https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/67981
Credit : ข่าวประชาสัมพันธ์กรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร : Read More