รามเกียรติ์ ตอนที่ 14 พาลีชิงนางมณโฑ
ท้าววิรูฬหคเป็นพญายักษ์ผู้มีฤทธิ์ อาศัยอยู่เมืองบาดาลระหว่างเขาตรีกูฏ โดยได้เข้าเฝ้าพระอิศวรที่เขาไกรลาสเป็นประจำ ในปีหนึ่งจะเข้าเฝ้าถึงเจ็ดครั้ง
มาครั้งนี้ก็เช่นกัน ท้าววิรูฬหคก็ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วไปยังเขาไกรลาสเพื่อจะเข้าเฝ้าพระอิศวรดังเช่นที่เคยทำมา เมื่อขึ้นมาจากบาดาลก็เหาะแทรกแผ่นดินขึ้นมา ทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วด้วยฤทธา
เมื่อถึงเขาไกรลาสแล้วพระอิศวรไม่ทรงออกเทวสมาคมในขณะนั้นเพราะเข้าญานอยู่ แต่ยักษ์อสูรวิรูฬหค ไม่ทราบจึงนั่งกราบถวายบังคมไป ขณะนั้น ก็มีตุ๊กแกตัวหนึ่งชื่อสารภู ร้องทัก แล้วชูคอทำศรีษะเย้ย กราบลงทีไร ก็ร้องทัก อสูรยักษ์วิรุฬหคได้ฟังดังนั้นจึงโกรธ จึงได้ถอดสังวาลนาคราชที่สวมอยู่ฟาดตุ๊กแกตัวนั้นจนตาย ด้วยอำนาจแห่งฤทธาจึงทำให้เขาพระสุเมรุเกิดลั่นและเอียงทรุดลง และเห็นว่าพระอิศวรไม่อยู่จึงกลับเมืองบาดาลไป พระอิศวรออกจากญานแล้วได้ยินเสียงเขาพระสุเมรุลั่นดังสนั่นจึงเสด็จออกไปดู พบเขาพระสุเมรุเอียงทรุดลง ก็แปลกใจจึงเล็งดูด้วยทิพยญาน ก็เห็นว่าเป็นอำนาจของ ยักษ์วิรูฬหค ขว้างสารภู ด้วยสังวาลพญานาค จึงตรัสบอกแก่เหล่าเทวดาและทั่วไปว่าหากผู้ใดยกเขาไกรลาสที่ทรุดเอียงขึ้นได้จะให้รางวัลตามที่ปรารถนา
เหล่าเทวดาและยักษ์ทั้งหลาย เมื่อได้ยินต่างก็รีบอาสามาช่วยกันผลักเขาพระสุเมรุ แต่ไม่ว่าจะใช้แรงเท่าไหร่เขาพระสุเมรุก็ไม่เคลื่อนต่างก็หมดแรง พระอิศวรจึงนึกขึ้นได้ว่าลูกท้าวลัสเตียน ที่ครองกรุงลงกาชื่อทศกัณฐ์ เป็นผู้มีฤทธิ์มาเหมาะที่จะให้มาช่วยยกเขาพระสุเมรุให้ตรง จึงมีรับสั่งให้ไปเรียกทศกัณฑ์มา เมื่อทศกัณฑ์มาถึงก็ทำการถวายบังคมพระอิศวร พระอิศวรก็แจ้งสิ่งที่ต้องการให้ทศกัณฑ์ ทศกัณฑ์เมื่อได้รับบัญชาจากพระอิศวรแล้วก็แปลงกายให้ใหญ่โต ใช้มือจับเขาพระสุเมรุตั้งตรงได้ดังเดิม เมื่อเขาพระสุเมรุตั้งตรงได้ดังเดิมแล้วพระอิศวรก็เรียกให้ทศกัณฑ์เข้าเฝ้าแล้วตรัสถามว่า เจ้าต้องการรางวัลอันใด ทศกัณฑ์ได้ตอบไปว่าตัวข้านั้นต้องการพระอุมา เหล่าเทวาต่างก็ไม่พอใจ พระอิศวรก็คิดในใจว่าเจ้ายักษ์ตัวนี้ช่างบังอาจนักที่ขอ ชายาของตน แต่ก็นึกในใจว่าเจ้ายักษ์ตนนี้คงไม่ได้ครอบครองพระอุมาเป็นแน่ และสุดท้ายก็ต้องนำมาคืน จึงแสร้งตรัสไปว่าเมื่อกูรับปากแล้วก็ให้เป็นไปตามนั้น ทศกัณฑ์จึงเข้าไปและขณะจะอุ้มพระอุมา ทำให้ทศกัณฑ์เกิดร้อนไปทั่วตัวดังเพลิงเผา แต่ก็ยังฝืนอุ้มเหาะกลับไป
เมื่อเทวดาที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ไม่พอใจและไปเข้าเฝ้าพระนารายณ์ และกราบทูลเรื่องพระอิศวรมอบพระอุมาให้กับทศกัณฑ์ว่าเป็นเรื่องที่ไม่บังควร พระนารายณ์จึงใช้อุบายที่จะหลอกให้ทศกัณฑ์นำพระอุมากลับมาคืน
จึงเหาะไปดักยังทางกลับกรุงลงกาของทศกัณฑ์แปลงกายเป็นยักษ์แก่ชรา และปลูกต้นไม้โดยต้นไม้ที่ปลูกกลับเป็นรากที่โผล่ขึ้นมาแทนต้น เมื่่อทศกัณฑ์เหาะผ่านมาก็แปลกใจ จึงเหาะลงไปถามไถ่ ดูว่าทำไมถึงถึงปลูกต้นไม้เช่นนั้น ฝ่ายร่างแปลงของพระนารายณ์ หัวเราะแล้วก็ตอบไปว่า ตัวท่านนั่นแหละโฉดเขลา แต่กลับมาติเตียนเรา ทศกัณฑ์ก็แปลกใจจึงตอบไปว่าทำไมถึงว่าเราเช่นนั้น ร่างแปลงของพระนารายณ์ จึงตอบไปว่า ก็เพราะท่านเอาหญิงที่ไม่คู่ควรมา มีลักษณ์เป็นพระกาล จะทำให้วงศ์ยักษ์ของท่านต้องสูญสิ้น เมื่อทศกัณฑ์ได้ฟังก็คิดไปว่าคงจะจริงเพราะรู้สึกร้อนกายไปหมด จึงถามไปว่าท่านมีหญิงอื่นที่คู่ควร แนะนำหรือไม่ จะได้นำไปขอเปลี่ยน ร่างแปลงของพระนารายณ์ ตอบไปว่ามีหญิงนางหนึ่ง ชื่อมณโฑ งามล้ำเลิศกว่านางใดในสวรรค์
เมื่อทศกัณฑ์ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งรีบนำพระอุมาไปคืนแก่พระอิศวรที่เขาไกรลาส เมื่อไปถึงแล้ว ก็กราบทูลพระอิศวรว่าจะคืนพระอุมา และจะขอนางมณโฑแทน พระอิศวรจึงเรียกนางมณโฑมาและมอบให้กับทศกัณฑ์ไป เมื่อได้นางมณโฑแล้วทศกัณฑ์ก็รีบเหาะกลับไปยังกรุงลงกาทันที
ขณะที่ทศกัณฑ์เหาะกลับนั้น บังเอิญเหาะผ่านเมืองขีดขิน ซึ่งเป็นเมืองที่ปกครองโดยพาลี และสุครีพ เมื่อพาลีเห็น ทศกัณฑ์ เหาะผ่านไปก็โกรธ เห็นว่าหยามกัน ดึงชักพระขรรค์ เหาะขึ้นไปหาทศกัณฑ์ เมื่อเผชิญหน้ากับทศกัณฑ์พาลี เห็นนางมณโฑ จึงความเสน่หา จึงได้เข้าต่อสู้แย่งชิงนางมณโฑกับทศกัณฑ์ เป็นพัลวัล เสียงดังกัมปนาทสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แต่ทศกัณฑ์สู้พาลีไม่ได้ เพราะต้องเสียกำลังไปครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะพรที่พาลีได้รับจากพระอิศวรว่า หากต่อสู้กับศัตรูให้กำลังของศัตรูครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งมาให้กับพาลี พาลีจึงแย่งตัวนางมณโฑจากทศกัณฑ์ได้ และนำกลับมาที่เมืองขีดขิน ส่วนทศกัณฑ์แพ้แล้วก็ช้ำใจเป็นอย่างยิ่งเหาะกลับกรุงลงกาไป
ส่วนพาลีเมื่อพานางมณโฑกลับมาถึงเมือง ก็เกี้ยวพาราสี จะเอาเป็นภริยา นางมณโฑจึงกล่าวไปว่าตัวข้านี้พระอิศวรประทานมอบให้กับทศกัณฑ์เป็นรางวัล ท่านไม่ควรทำเช่นนี้ ตัวท่านเองก็มีสนมกำนัลมากมาย ทำเช่นนี้คนทั่วไปจะตำหนิ นินทาเอาได้ พาลีได้ฟังจึงตอบไปว่า การที่บอกมานี้พี่ก็รู้อยู่ แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ตกเป็นของทศกัณฑ์ ตามธรรมเนียของกษัตริย์ หากว่ารบชนะ ก็มีสิทธิ์ในสมบัติของผู้แพ้ ว่าพลางอิงแอบแนบเคล้า จุมพิตยั่วเย้าโฉมศรีเชยมณฑาทิพย์สุมาลี บุษบงคลายคลี่ผกากาญจน์ ภุมรินบินเคล้าละอองอาบ เชยซาบเสาวคนธ์หอมหวาน พระพิรุณพรอยพรมสุมามาลย์ เบิกบานรับแสงทินกร.