รามเกียรติ์ ตอนที่ 29 ท้าวทศรถทำพิธีขอบุตร
ท้าวทศรถปกครองกรุงอโยธยามาช้านาน แต่ยังไม่มีบุตร จึงคิดที่จะทำพิธีกระลาไฟ เพื่อบวงสรวงขอบุตรจากเทพเจ้า ว่าแล้วก็ให้เหล่าเสนาอำมาตย์ไปเชิญพระฤาษี ทั้งสี่ตน คือ พระฤาษีวสิษฐ์ พระฤาษีสวามิตร พระฤาษีวัชอัคคี พระฤาษี ภารทวาช มาเข้าเฝ้าเพื่อขอให้ทำพิธีให้ เมื่อพระฤาษีมาถึงท้าวทศรถจึงแจ้งให้กับพระฤาษีทราบถึงความประสงค์ พระฤาษีได้ฟังจึงกล่าวกับท้าวทศรถว่า การที่ข้าทั้งสี่จะทำพิธีขอบุตรให้ท่านนั้นก็ได้อยู่ แต่บุตรที่กำเนิดมาจะมีฤทธิ์ไม่มากจะไม่สามารถปราบเหล่ายักษ์ภัยพาลได้ ควรจะไปหาพระฤาษีกไลโกฎ ที่ประทับอยู่ที่เมืองโรมพัต เพื่อเชิญท่านมาทำพิธีให้จึงจะได้บุตรทีมีฤทธามาก
ท้าวทศรถได้ฟังจึงรีบ ให้เสนาอำมาตย์จัดขบวนไปยัง เมืองโรมพัต เมื่อขบวนเสด็จไปถึงเหล่าเสนาอำมาตย์ก็รีบไปแจ้งท้าว โรมพัต กษัตริย์ผู้ครองนคร ท้าวโรมพัตทราบว่าท้าวทศรถเสด็จมาจึงรีบไปต้อนรับและไต่ถามถึงความประสงค์ ท้าวทศรถก็แจ้งให้ทราบถึงเหตุแห่งการมา ท้าวโรมพัตจึงรีบแจ้งให้พระฤาษี กไลโกฎทราบ เมื่อ ฤาษีกไลโกฎออกมาท้าวทศรถก็แจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าต้องการจะทำพิธีขอบุตรและขอให้ฤาษี ฤาษีกไลโกฎช่วยทำพิธี เมื่อฤาษีกไลโกฎทราบก็มีความยินดีที่จะทำพิธีให้ แต่บอกให้ท้าวทศรถเสด็จกลับไปก่อน อีก 7 วันจะตามไปท้าวทศรถก็ยกขบวนกลับนครอโยธาไป
เมื่อครบกำหนด 7 วันฤาษีกไลโกฎก็เหาะตามไปที่กรุงอโยธยา เมื่อพบกับท้าวทศรถและ พระฤาษีทั้งสี่ก็บอกกับท้าวทศรถว่า เราฤาษีทั้ง 5 ตนนี้จะเสด็จขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร เพื่อแจ้งให้พระองค์ทราบ เพื่อให้เชิญพระนารายณ์อวตาลลงมาจุติ ท้าวทศรถก็ดีใจ และเชิญพระฤาษีเสด็จไปยังที่ประทับของพระอิศวรที่เขาไกรลาส
——————————————————————————————–
เมื่อฤาษีทั้งห้าได้เหาะไปถึงเขาไกรลาสและได้เข้าเฝ้าพระอิศวร แล้วแจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าขณะนี้โลกกำลังจะเกิดทุกข์เข็ญ ซึ่งเกิดจากอำนาจของยักษ์อสูร จึงจะขอให้พระอิศวรไปเชิญพระนารายณ์อวตาลลงไปปราบ โดยไปกำเนิดเป็นบุตรของท้าวทศรถแห่งกรุงอโยยา ที่กำลังจะทำพิธีเพื่อขอบุตร
พระอิศวรได้ฟังจึงให้พระอินทร์ไปเชิญพระนารายณ์จากเกษียรสมุทรมาเข้าเฝ้า เมื่อพระนารายณ์เสด็จมาถึง พระอิศวรจึงแจ้งให้กับพระนารายณ์ทราบพระนารายณ์ก็มีความยินดี โดยให้พระนารายณ์อวตาลลงไปเป็นพระราม บุตรของท้าวทศรถ ในกรุงอโยธา โดยให้พระแม่ลักษมีไปจุติเป็นนางสีดา และ บัลลังก์นาคของพระนารายณ์ให้ไปเกิดเป็นพระลักษณ์ พระอนุชา ของพระราม, และคฑาของพระนารายณ์ ให้ไปเกิดเป็นพระสัตรุด
พระอิศวรจึงได้วางแผนให้เทวดาหลายองค์ลงไปจุติเพื่อ ช่วยพระรามโดยให้ไปจุติเป็นพญาวานีที่เมืองขีดขิน ซึ่งเป็นเมืองที่ปกครองโดยพญาพาลี และให้พรว่าหากเทวดาหากตายด้วยการถูกยักษ์ฆ่า เมื่อลมพัดมาก็ให้ฟื้น
จากนั้นพระอิศวรก็ได้ให้มนต์ สญชีพ ให้พระกไลโกฏ พร้อมบอกพิธีกรรมให้ แล้วฤาษีทั้ง 5 ก็เหาะกลับไปยังไปกรุงอโยธา เมื่อมาถึงแล้วก็แจ้งให้กับท้าวทศรถทราบ และตั้งโรงพิธี และให้ยักษ์ตนหนึ่งถือถาดไว้ตามคำสั่งของพระอิศวร
เมื่อถึงกำหนดฤกษ์ยามทำพิธี พระฤาษีทั้ง 5 ตน ก็ได้นั่งรายรอบตามที่ได้กำหนดไว้ โดยมีพระฤาษี กไลโกฏเป็นประธาน โดยฤาษีทั้งหมด ได้ถวายเครื่องบูชา แล้วก็ร่ายพระเวทย์คาถา ครั้นครบสามคืน บังเกิดแผ่นดินเลื่อนสนั่น บังเกิดเป็นเปลวควัน แสงสว่างไปทั่ว ถาดทองที่อสูรผู้ถือไว้ ในพิธีบังเกิดเป็นเปลวเพลิงใหญ่ มีก้อนข้าวทิพย์ สี่ปั้น วางอยูในถาด กลิ่นหอมฟุ้งตลบอบ อวน ไปทั่วทิศ จนกลิ่นลอยไปถึงกรุงลงกา นางมณโฑได้กลิ่นหอมของข้าวทิพย์ก็ทนไม่ไหว อยากกินจนทนไม่ได้ ท้าวทศกัณฑ์จึงให้ นางกากนาสูร ผู้เป็นญาติให้ไปเอาข้าวทิพย์อันนี้มาให้จงได้
เมื่อนางกากนายักษ์ได้รับคำสั่งแล้ว แปลงกายเป็นกาใหญ่ บินไปสำรวจพบว่ากลิ่นหอมนั้นเป็นกลิ่นจากข้าวทิพย์ ที่ทำพิธีในกรุงอโยธยา จึงได้โฉบลงไปแย่งข้าวทิพย์นั้นจากถาดที่อสูรถืออยู่ ได้ครึ่งปั้นแล้วรีบบินกลับไปยังกรุงลงกา เมื่อไปถึงกรุงลงกา นางมณโฑมเหสีของทศกรรณก็รีบกินข้าวนั้นทันที
——————————————————————————————————————————–
ที่กรุงอโยธยา เมื่อครบกำหนด เวลาทำพิธีแล้ว ท้าวทศรถก็ดีใจ พระฤาษี กไลโกฏ จึงหยิบข้าวทิพย์ที่เหลือ ปั้นหนึ่งให้นาง กาสุริยา และให้นางไกยเกษี และนางสมุทรเทวี กินอีกคนละหนึ่งปั้น เป็นอันเสร็จพิธี กาลกะลาบูชาไฟขอบุตรของท้าวทศรถ
เมื่อเทวบุตร และนางฟ้าทราบว่าพระนารายณ์พระอุมาพร้อมด้วยบริวารจะเสด็จอวตาลลงไปเกิดเป็นมนุษย์ก็มีความยินดี ต่างอำนวยอวยพร ด้วยการโปรยดอกไม้ทิพย์ เป่าสังข์ดังสนั่นลั่นฟ้า และร่ายรำฟ้อน ให้บันเทิงทั่วทั้งสวรรค์
เมื่อสามอัคเรศมเหสี ของท้าวทศรถ ได้เสวยข้าวทิพย์แล้วก็บังเกิดครรภ์ขึ้น.