ติดตามผ่านช่อง : Siammongkol Youtube Channel

“ตำรวจ” มาจากไหน? ทำไมเรียก “ตำรวจ”? ฟังจาก “จิตร ภูมิศักดิ์”

“ตำรวจ” มาจากไหน? ทำไมเรียก “ตำรวจ”? ฟังจาก “จิตร ภูมิศักดิ์”

จิตร ภูมิศักดิ์ ถ่ายที่หน้าปราสาทนครวัด

ที่มา
ศิลปวัฒนธรรม ฉบับธันวาคม 2547
เผยแพร่
วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ.2565

อากาศคงคา [จิตร ภูมิศักดิ์] กล่าวไว้ในเรื่อง ‘ประวัติตำรวจ’ ตอนหนึ่งว่า ‘ตำรวจ’ เป็นคำที่คิดตั้งขึ้นสมัยพระเจ้าบรมไตรโลกนารถ ข้อความนี้เป็นเนื้อหาสำคัญที่จะบันทึกต่อไป.

๑. ‘ตำรวจ’ เป็นคำที่แผลงมาจาก ‘ตรวจ’ เป็นภาษาเขมรมาแต่เดิมมิใช่เป็นคำที่ไทยเราคิดขึ้นแล้วเขมรยืมไปใช้ หากเป็นคำเขมรที่ไทยยืมมา พยานที่ว่าคำทั้งสองนี้เป็นภาษาเขมรก็คือตัว ‘จ’ สะกด ถ้าเป็นคำไทยแล้ว คำสองคำนี้จะต้องมีรูปเป็น ‘ตรวด’ และ ‘ตำรวด’ (ด สะกด) เพราะหลักของไทยมาตรากด ต้องใช้ตัว ‘ด’ สะกดเสมอ ไม่ใช้ จ, ช, ฎ, ฏ, ฐ, ฑ, ถ, ท, ศ ฯลฯ สะกดเลย (หากจะมีบ้างก็เป็นกรณีพิเศษที่เรามาดัดแปลงใช้เข้ากับความนิยมของอักขรวิธีเขมรและมคธสันสกฤตในชั้นหลัง)

๒. ‘ตำรวจ’ เป็นคำที่เขมรคิดแผลงใช้กันมาแต่โบราณครั้งแรกสร้างนครธมเป็นราชธานี (พ.ศ. ๑๔๓๒) ยังมีคำสัตย์สาบานของตำรวจเขมรโบราณจารึกปรากฏอยู่ที่ประตูพระราชวังมนนครธมจนบัดนี้ แสดงว่า ‘ตำรวจ’ เป็นคำที่มีใช้มาในกัมพูชาประเทศก่อนแล้ว ไทยจึงขอยืมมาใช้ มิใช่ไทยจะเป็นผู้คิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถดังที่ ‘อากาศคงคา’ กล่าวไว้

๓. ในประเทศไทย ศิลาจารึกภาษาเขมรที่พบ ณ เมืองลพบุรี ซึ่งพวกเขมรจารึกไว้ (แต่ครั้งเป็นใหญ่ครอบครองดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา) ในราว พ.ศ. ๑๕๖๕-๑๖๐๐ (คือศิลาจารึกหลักที่ ๒๐ และ ๒๑ ใน ‘ประชุมจารึกสยาม’ ภาคที่ ๒ จารึกกรุงทวารวดี เมืองละโว้ และเมืองประเทศราชขึ้นแก่กรุงศรีวิชัย ของศาสตราจารย์ยอช เซเดส์) ก็ปรากฏว่ามีขุนนางพวก ‘ตำรวจ’ ประจำอยู่ ณ เมืองละโว้ เรียกในจารึกว่า ‘ตมฺรฺวจวิษย’ (ตำรวจวิษัย) ตัวอักษรในจารึกเป็นดังรูปนี้

‘ตำรวจวิษัย’ นี้ ศาสตราจารย์ยอช เซเดส์ สันนิษฐานไว้ว่า “เห็นจะเป็นตำแหน่งข้าราชการในราชสำนักซึ่งว่าราชการเมือง”

๔. คำว่า ‘ตำรวจวิษัย’ นั้น ผู้บันทึกเข้าใจว่าจะเป็นชื่อตำรวจประเภทหนึ่งของเขมร อย่างตำรวจของเราก็มีประเภท ภูธร และนครบาล (หรือ ภูธร และ ภูบาล ตามทำเนียมเดิม) ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะสังเกตได้จากคำ ‘วิษัย’ ซึ่งแปลว่า เมือง, เขต, แดน ตำรวจวิษัยก็คือตำรวจในเมืองหรือประจำเมืองคือพวกนครบาลอย่างนี้กระมัง? ในจารึกภาษาเขมรที่ปราสาทสด๊อกก๊อกธม จารึกราว พ.ศ. ๑๕๐๐-๑๖๐๐[๑] มีตำแหน่งขุนนางเขมรตำแหน่ง ๑ เรียกว่า โฉลญ (เฉฺลาญ์) มี ๒ ประเภทคือ โฉลญพลคู่กับโฉลญวิษัย (เฉฺลาญ์วล-เฉฺลาญ์วิษย) ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจว่า ‘ตำรวจวิษัย’ เป็นประเภท ๑ ของขุนนางตำรวจ คงจะเป็นคู่กันกับ ‘ตำรวจพล’ พล แปลว่า ทหาร, กำลัง, ตำรวจพลก็คือตำรวจที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามใช้กำลังคล้ายทหารจะลองแบ่งออกเป็นประเภทดังนี้

ก. ตำรวจวิษัย : คือตำรวจพวกที่ทำการดูแลทุกข์สุขของราษฎรภายในเมืองหรือภายในประเทศ ทำนองข้าราชการตำรวจกึ่งพลเรือน บางทีตำรวจวิษัยอาจจะทำหน้าที่เป็นข้าราชการพลเรือนโดยตรงก็ได้ อย่างเช่นตอนแรกสร้างกรุงศรีอยุธยาก็ปรากฏในพระราชพงศาวดารว่าพระเจ้าอู่ทองโปรดให้สร้าง ‘ขุนตำรวจ’ ไปตรวจที่ทางทำเลจะสร้างพระนคร ถ้าว่าอย่างจีนก็อาจจะเป็นฝ่าย ‘บุ๋น’

ข. ตำรวจพล : เห็นจะเป็นพวกใช้กำลังปราบปรามทั้งภายในและภายนอกอาณาจักร เวลาสงครามก็ออกทำการรบอย่างทหารด้วย เช่นเดียวกับตำรวจของไทยสมัยก่อนเวลามีสงครามก็ออกรบเสมอ เช่น พระยาอภัยรณฤทธิ์ (จางวางกรมพระตำรวจขวา) เป็นต้น ถ้าจะเทียบอย่างจีนก็เป็นฝ่าย ‘บู๊’

๕. ตามที่ผู้บันทึกแบ่งตำรวจออกเป็น ๒ ประเภทคือ ตำรวจพลและตำรวจวิษัยนั้นเป็นเพียงเดา ไม่รับรองว่าจะถูก เพราะยังไม่มีเวลาค้นศิลาจารึกเขมรได้ทั่วถึง ว่ามีตำรวจพลคู่กับตำรวจวิษัยหรือไม่ ด้วยการบันทึกนี้กระทำโดยกระทันหัน.

อนึ่ง นอกจากจะมีหลักฐานอ้างอิงว่าตำแหน่งโฉลญยังมีโฉลญวิษัยคู่กับโฉลญพลแล้ว ในจารึกเขมรโบราณยังมีตำแหน่ง โขลญ (เขฺลาญ์) อีกตำแหน่ง ๑ ซึ่งเคยพลว่ามีโขลญพล (เขฺลาญ์วล) อาจจะเป็นคู่กับโขลญวิษัยก็ได้ แต่ผู้บันทึกยังไม่เคยพบคำโขลญวิษัย.

อย่างไรก็ตาม เมื่อตำแหน่งโฉลญยังมีโฉลญพล โฉลญวิษัยแล้ว ตำแหน่งโขลญพลที่ได้พบจึงน่าจะเป็นคู่กับโขลญวิษัย และตำแหน่งตำรวจวิษัยที่ได้พบแล้วก็น่าจะมีตำรวจพลเป็นคู่.

๖. ศิลาจารึกภาษาเขมรที่พบที่จังหวัดลพบุรี (คือหลักที่ ๒๑ ในประชุมจารึกสยามภาค ๒) มีคำ ‘โฉลญตำรวจวิษัย’ (เฉฺลาญ์ตมฺรฺจจ์วิษย) เห็นจะเป็นยศตำรวจชั้นสูงขึ้นขึ้นไปอีกจึงเอาตำแหน่ง โฉลญ กับ ตำรวจ รวมกันเป็นตำแหน่งเดียว การรวมตำแหน่งหรือบรรดาศักดิ์สองที่เข้าด้วยกันเป็นบรรดาศักดิ์ใหม่สูงขึ้นไปนั้นเขมรโบราณนิยมมาก เช่น มรตาญ (มฺรตาญ์) เป็นตำแหน่ง ๑ โขลญตำแหน่ง ๑ เอามารวมกันเป็นตำแหน่งใหม่ว่า ‘มรตาญโขลญ’

อนึ่ง ตำแหน่งขุนนางเขมรโบราณนั้น ตามที่ได้พบในจารึกบรรดาศักดิ์มักจะตั้งล้อกันขึ้นไป เช่น เตง-เสฺเตง-กมฺสเตง-เสตงอัญ-กมฺรเตง-กมฺรเตงอัญ-โลญ-โฉลญ-โขลญ ดังนี้เป็นต้น.

ด้วยเหตุนี้ตำแหน่ง ‘โฉลญตำรวจ’ จึงควรจะเป็นตำแหน่งเหนือ ‘ตำรวจ’ ขึ้นไปอีกชั้น ๑ แต่ก็ยังไม่แน่นัก ‘โฉลญตำรวจ’ อาจเป็นบรรดาศักดิ์ทั้งตำรวจและพลเรือน ซึ่งบุคคลผู้เดียวได้รับยศทั้งสองฝ่าย อย่างอำมาตย์เอก พระยา- – -หรือ พลเอก พระยา- – -ของเราก็ได้.

๗. สรุปแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ตำรวจมิใช่คำที่ไทยคิดขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ และขุนนางพวก ‘ตำรวจ’ มีมาในเมืองเขมรก่อน.

การปกครองบ้านเมืองของไทยสมัยต้นอยุธยานั้น เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า เอาแบบอย่างเขมรมาปรับปรุงใช้เป็นส่วนมาก ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อได้ว่าเราได้อย่างขุนนางตำรวจมาจากเขมร แม้ทางราชการทหาร ตำแหน่งหรือคำ ‘กระลาโหม’ ของเราก็เคยมีมาแล้วในประเทศเขมรครั้งนครธม ซึ่งจารึกภษาเขมรเรียกว่า ‘พระกระลาโหม’ (วฺระกฺลาเหาม์)

 

เชิงอรรถ

[๑] สนใจเชิญดู Le Cambodge Vol.II : Les provinces Siamoises par Etienne Aymonier หรือ Bulletin de L’ecole Française D’extreme Orient, Tome XV 1915.

เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 25 กันยายน พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติม 30 มีนาคม พ.ศ.2562

Source: https://www.silpa-mag.com/history/article_4888

The post “ตำรวจ” มาจากไหน? ทำไมเรียก “ตำรวจ”? ฟังจาก “จิตร ภูมิศักดิ์” appeared first on Thailand News.