“สุริยะ” ปลื้มผลงานอาชีพดีพร้อมเฟสแรก ปั้นทักษะ 3.5 แสนคน พร้อมลุยต่อ “อาชีพช่าง-พัฒนาผลิตภัณฑ์-บริหารการเงิน” ปูทางสร้างผู้ประกอบการใหม่
ก.อุตฯ เผยความสำเร็จโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม เฟสแรกที่จัดขึ้นระหว่างเดือน ส.ค. – ก.ย.65 ผ่านการพัฒนาทักษะอาชีพระยะสั้นให้แก่ชุมชนในหลักสูตรที่ 1 กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต หลังปูพรมนำร่องในพื้นที่ทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 29 กันยายน 2565 – กระทรวงอุตสาหกรรม เผยความสำเร็จโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม หรือ อาชีพดีพร้อม เฟสแรกที่จัดขึ้นระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน 2565 ผ่านการพัฒนาทักษะอาชีพระยะสั้นให้แก่ชุมชนในหลักสูตรที่ 1 กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต หลังปูพรมนำร่องในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 1,750 แห่ง ผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 350,000 คน พร้อมลุยต่อไตรมาส 4ปี 2565 อีก 3 หลักสูตร ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการบริการ กิจกรรมพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และกิจกรรมพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มั่นใจผลการดำเนินงานสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างรากฐานความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม หรืออาชีพดีพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เดินหน้าขับเคลื่อนไปยังประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเร่งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาอาชีพเสริมเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมดังกล่าวได้เสร็จสิ้นการดำเนินงานช่วงเฟสแรก ระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน 2565 เป็นที่เรียบร้อย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินกิจกรรมผ่านหลักสูตรที่ 1 คือ กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต พบผลลัพธ์สำเร็จเป็นที่น่าพึงพอใจภาพรวมดำเนินการคิดเป็น 50% ในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 1,750 แห่ง มีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 350,000 คน แบ่งเป็นภาคเหนือกว่า 1 แสนกว่าคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 8.5 หมื่นกว่าคน ภาคกลางกว่า 9.8 หมื่นกว่าคน ภาคตะวันออกกว่า 2.2 หมื่นกว่าคน และภาคใต้กว่า 4.5 หมื่นกว่าคน นอกจากนี้ จากผลการประเมินผู้เข้าร่วมอบรมกว่า346,800 คน หรือคิดเป็น 99.10% ของผู้เข้าอบรมทั้งหมด พบว่า ผลลัพธ์ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจ คิดเป็น92.18% นำไปใช้ในการประกอบอาชีพหรือใช้ในชีวิตประจำวันได้ คิดเป็น 99.42% ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้ไปสร้างอาชีพ หรือต่อยอดในการประกอบธุรกิจได้ คิดเป็น 98.41% และผู้เข้าร่วมอบรมมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น54.55% นายสุริยะกล่าว
ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กล่าวว่า จากความสำเร็จที่ดีพร้อม ได้ดำเนินงานโครงการอาชีพดีพร้อมไปในเฟสแรกนั้น ทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 (ตุลาคม – ธันวาคม) ดีพร้อมเตรียมเดินหน้าพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ชุมชนในรูปแบบการอบรมฝึกอาชีพระยะสั้นเฟสสองอีก จำนวน 3 หลักสูตรได้แก่ กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการบริการ กิจกรรมพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ กิจกรรมพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน และการประกอบธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มั่นใจว่าผลการดำเนินกิจกรรมจะประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้เข้าร่วมตลอดทั้งโครงการ 700,000 คน พร้อมคาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดมูลค่า
ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับการพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ชุมชนในรูปแบบการอบรมฝึกอาชีพระยะสั้น จำนวน 4 หลักสูตร ประกอบด้วยหลักสูตรที่ 1 กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต เพื่อเป็นอาชีพเสริมและเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ โดยมีวิธีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการในแต่ละพื้นที่ หลักสูตรที่ 2 กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการบริการ เพื่อเป็นอาชีพเสริมและเพิ่มรายได้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นช่างชุมชน หรือประกอบเป็นอาชีพเดิมอยู่แล้ว รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจพัฒนาทักษะให้เกิดความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเฉพาะทาง
หลักสูตรที่ 3 กิจกรรมพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ในการสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น น่าสนใจ สอดรับกับความต้องการของตลาด มีความเหมาะสมกับการขนส่ง เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และสามารถกระจายสินค้าและบริการได้อย่างกว้างขวาง และหลักสูตรที่ 4 กิจกรรมพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินและการประกอบธุรกิจ อาทิ การบริหารจัดการเงินในภาคครัวเรือน/ภาคธุรกิจ การจัดทำแผนธุรกิจ การบัญชี การตลาดออฟไลน์และออนไลน์ สร้างแบรนด์ ลดต้นทุน พิชิตหนี้ และอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันให้กับกลุ่มเป้าหมายและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ และเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ในชุมชน ดร.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา:
Credit : ข่าวประชาสัมพันธ์กรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร : Read More