ติดตามผ่านช่อง : Siammongkol Youtube Channel

พลเอก ประวิตร ฯ หารือ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ไทย-อินเดีย ร่วมส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านในทุกระดับ

พลเอก ประวิตร ฯ หารือ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ไทย-อินเดีย ร่วมส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านในทุกระดับ

พลเอก ประวิตร ฯ หารือ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ไทย-อินเดีย ร่วมส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านในทุกระดับ

เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมเสริมสร้างสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค

วันนี้ (30 กันยายน 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสุจิตรา ทุไร (H.E. Mrs. Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พร้อมขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย ตลอดระยะที่ดำรงตำแหน่ง โดยไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับเอกอัครราชทูตท่านใหม่ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต่อไป ทั้งนี้ ยินดีที่ไทยและอินเดียให้ความช่วยเหลือกันอย่างใกล้ชิดในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
 
ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณที่ให้เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ดีสำหรับทั้งไทยและอินเดีย ในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ดีกันในทุกระดับมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนาน โดยยังได้ยืนยันว่า เอกอัครราชทูตฯ ท่านใหม่พร้อมดำเนินการ และสานต่อบทบาทอย่างแข็งขันและสร้างสรรค์ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย เพื่อโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกมิติ ทุกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีผลเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
 
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นประโยชน์ ได้แก่
 
ด้านการค้าการลงทุน รองนายกรัฐมนตรียินดีที่อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ โดยในปี 2564 การค้าสองฝ่าย มีมูลค่ากว่า 14.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ 52 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ไทยและอินเดียยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก ซึ่งไทยหวังว่าภาคเอกชนของอินเดียจะสนใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะใน EEC ในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ซึ่งอินเดียมีความเชี่ยวชาญ
 
ด้านการท่องเที่ยว ไทยและอินเดียเห็นพ้องที่จะมุ่งส่งเสริมและแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการท่องเที่ยวสองฝ่าย โดยไทยยินดีที่อินเดียเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญของไทยในปัจจุบัน พร้อมหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกันเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต
 
ด้านวัฒนธรรมและการศึกษา ทั้งสองฝ่ายหวังที่จะผลักดันความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนบุคลากร โดยไทยประสงค์ส่งบุคลากรไปศึกษาในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ในขณะที่อินเดียยินดีที่มีการจัดตั้งศูนย์อินเดียศึกษาในมหาวิทยาลัยของไทยหลายแห่ง โดยรัฐบาลอินเดียได้สนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนและบุคลากรไทย
 
ด้านความเชื่อมโยง ไทยและอินเดียมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายเร่งบรรลุการพัฒนาโครงการถนนสามฝ่าย (Trilateral Highway Project) ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงอินเดียกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน เป็นโอกาสส่งเสริมการค้าการลงทุนและการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน โดยเฉพาะกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่มีความใกล้ชิดกับไทยในด้านชาติพันธุ์
 
ด้านความร่วมมือในภูมิภาค ไทยยินดีต่อพัฒนาการความร่วมมือในกรอบอาเซียน-อินเดียที่ครบรอบ 30 ปีในปีนี้ ซึ่งทุกฝ่ายประกาศให้เป็นปีแห่งมิตรภาพอาเซียน-อินเดีย ทั้งนี้ ไทยเป็นประธาน BIMSTEC ในวาระปี 2564-2566 ภายใต้วิสัยทัศน์ให้ภูมิภาคอ่าวเบงกอลมีความมั่งคั่ง ยั่งยืน และเปิดกว้างสู่โอกาส หรือ PRO BIMSTEC โดยอินเดียยินดีให้การสนับสนุนการเป็นประธานของไทยอย่างเต็มที่
 

Credit : ข่าวประชาสัมพันธ์กรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร : Read More