ติดตามผ่านช่อง : Siammongkol Youtube Channel

ก.อุตฯ ผนึก สตช. จัดหนักปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เรียกความเชื่อมั่น ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน

ก.อุตฯ ผนึก สตช. จัดหนักปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เรียกความเชื่อมั่น ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน

กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดหนักปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เรียกความเชื่อมั่น ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน

     กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ผนึกกำลังบูรณาการการทำงานร่วมกันของ 2 หน่วยงาน เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เอาผิดผู้ประกอบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม พลิกฟื้นภาพลักษณ์ เรียกศรัทธา สร้างความเชื่อมั่น ตามนโยบาย “MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน” และนโยบาย ผบ.ตร. “การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล”
     เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บูรณาการความร่วมมือลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ระหว่าง ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพยานในพิธีลงนามฯ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 หน่วยงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
     การจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการยกระดับขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมกันตรวจสอบโรงงานต้องสงสัยที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ตลอดจนการกระทำอื่นที่มีความคาบเกี่ยวเชื่อมโยงกัน เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษและชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อส่วนรวม
     ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนจาก GDP ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนกว่า 34% ของ GDP ประเทศไทย ในปี 2565 ซึ่งมีมูลค่ากว่า 17.4 ล้านล้านบาท ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานรวม 73,382 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ดี สร้างการจ้างงาน เกิดการกระจายรายได้ต่อพื้นที่โดยรอบ และประกอบกิจการอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ยังมีโรงงานส่วนน้อยที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม และภาพลักษณ์ของภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ ความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานในครั้งนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อความรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนข้อมูลในการดำเนินคดีกับผู้ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เช่น การระบุความเป็นอันตราย หรือความเป็นพิษ หรืออันตรายอื่นต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน การตรวจวิเคราะห์กากอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่พบการลักลอบทิ้ง ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลโรงงาน การจัดการกากอุตสาหกรรม และการขนส่งกากอุตสาหกรรม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ดำเนินคดีอย่างทันท่วงที เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม “MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน” ที่มุ่งพัฒนาและสร้างความสมดุล ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
     พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ทั่วไปที่มีเบาะแสหรือเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม สืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินคดี เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล”
     ด้าน ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ใช้ระบบไอทีในการกำกับดูแลการกำจัดกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอยู่เป็นระยะ ทั้งในพื้นที่เอกชน บ่อดินเก่า และที่รกร้างว่างเปล่า โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 78 ครั้ง ทำให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม ทั้งชุมชนโดยรอบ และห่วงโซ่อาหารจากพื้นที่การเกษตรปนเปื้อนสารเคมีอันตราย ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการป้องกันปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ลดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : 

 

Credit : ข่าวประชาสัมพันธ์กรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร : Read More