ติดตามผ่านช่อง : Siammongkol Youtube Channel

รามเกียรติ์

รามเกียรติ์ ปฐมบท ตอนที่ 4 : อัชบาลปราบยักษ์อสุรพรหม

ภายหลังจากท้าวสหบดีพรหม เป็นผู้สร้างกรุงลงกาแล้ว ก็ทรงประทานให้ท้าวธาดาพรหม (น้องชายของท้าวมาลีวัคคพรหม) ลงไปปกครอง ชื่อว่า จตุรพักตร์ มีลูกเป็นอสูร หรือยักษ์ ชื่อ “ลัสเตียน” ขณะที่ทางฝั่งกรุงศรีอยุธยาเมืองที่พระอินทร์ให้พระวิษณุกรรมสร้างตามบัญชาของพระนารายณ์ ท้าวอโนมาตัน เป็นกุมารที่เกิดจากดอกบัวที่ผุดขึ้นจากท้องพระนารายณ์ขณะที่บรรทมบนตัวพญาอนันตนาคราช โดยเมื่อท้าวอโนมาตัน ได้ทรงสวรรคตลง และมีพระโอรสคือ  “อัชบาล” เป็นผู้สืบตันติวงศ์ครองกรุงศรีอยุธยาสืบมา

ในกาลนั้นมีพญายักษ์ตนหนึ่งชื่อ อสุรพรหม (หรืออสุรพักตร์) อาศัยอยู่บริเวณเนินเขาจักรวาล (เขาพระสุเมรุ) มีความทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่ในสามโลก จึงได้เข้าเฝ้าพระอิศวรเพื่อขอพรวิเศษ โดยทำการเข้าเฝ้าติดต่อกันมานานหลายปี จนครั้งหนึ่งอสุรพรหมก็มาเข้าเฝ้าพระอิศวรเช่นเคย แล้วก็กราบทูลพระอิศวรว่า “ข้าแต่พระองค์ ตัวข้า เป็นข้ารองบาทพระองค์มาช้านาน ยังไม่เคยได้รับพรอันใดจากพระองค์เลย วันนี้ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระองค์ประทานอาวุธวิเศษ และขอให้พร ว่าอย่าให้มีใครเอาชนะได้” เมื่อพระอิศวรได้ฟังรู้สึกเมตตา จึงประทานคทาเพชรและให้พรตามที่อสุรพรหมขอ เมื่อได้รับอาวุธและพรจากพระอิศวรแล้ว ก็อสุรพรหมเหาะกลับไป

เมื่ออสุรพรหมกลับไปแล้ว ท้าวมาลีวัคคพรหม (พี่ชายของธาดาพรหมหรือจตุรพักตร์) ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่อสุรพรหมขออาวุธและพรจากพระอิศวร จึงกราบทูล ติงพระอิศวรไปว่า “ยักษ์อสุรพรหมนี้เป็นยักษ์อันธพาล นิสัยไม่ดี การที่พระองค์มอบคทาเพชร และพรวิเศษให้แก่มันไปนั้น จะสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แม้แต่ท้าวอัชบาลแห่งกรุงศรีอยุธยาไม่อาจเอาชนะมันได้เป็นแน่ จึงขอให้พระองค์ช่วยมอบอาวุธและพรเพื่อนำไปมอบแก่ ท้าวอัชบาล เพิ้อให้ใช้เป็นอาวุธ ที่สามารถเอาชนะยักษ์ตนนี้ได้ด้วยเถิด” เมื่อพระอิศวรได้ฟังก็นึกขึ้นได้ว่าตนได้ให้อโนมาตันไปครองกรุงศรีอยุธยามาช้านาน ตอนนี้อัชบาลผู้บุตรได้สืบราชสมบัติแทนบิดาแล้ว ตนนั้นไม่ได้สนใจหลงลืมไปเสียนาน จึงโปรดประทานพระขรรค์เพชรและพรวิเศษ ฝากมาลีวัคคพรหม ให้อัญเชิญไปมอบแก่ท้าวอัชบาลที่กรุงศรีอยุธยา การนำเทพอาวุธและพรจากพระอิศวรไปมอบให้อัชบาลที่กรุงศรีอยุธยาในครั้งนี้ ทำให้อัชบาลและมาลีวัคคพรหมกลายเป็นสหายกันตั้งแต่บัด นั้นเป็นต้นมา

อสุรพรหมเมื่อได้อาวุธเป็นคทาเพชร และพรวิเศษ ที่ว่าไม่มีใครรบชนะได้ จากพระอิศวรแล้ว  ด้วยความหยิ่งผยองอยากจะเป็นใหญ่กว่าผู้ใดทั่วทั้งสามโลก จึงเหาะออกเขาจักรวาลมุ่งหน้าไปยังสวรรค์ แล้วร้องประกาศก้องไปทั่วทั้งสวรรค์ว่า “ตัวกูชื่ออสุรพักตร์ ศักดาไม่มีใครเทียบได้” แล้วก็เข้าสู้รบทำร้ายเหล่าเทวดาและฤาษีแต่ไม่มีใครสู้ฤทธิ์เดชของอสุรพรหมได้ ต่างพากันหลบหนีวุ่นวายไปทั่วทั้งโลกและสวรรค์ มีเทวดาและฤาษีบางกลุ่มหลบหนีไปถึงกรุงศรีอยุธยา จึงแจ้งแก่ท้าวอัชบาลให้ทรงทราบว่า บัดนี้มีอสุรยักษ์ ก่อความวุ่นวายไปทั่วทั้งโลกและสวรรค์ ตอนนี้ยังคงสู้รบอยู่กับเหล่าเทวดาและฤาษีบริเวณเนินเขาพระสุเมรุ และขอร้องให้ท้าวอัชบาลช่วยปราบยักษ์ตนนี้เสีย เมื่อท้าวอัชบาลได้ฟังดังนั้นก็ตระเตรียมกองทัพ ขึ้นทรงมหาพิชัยราชรถขับม้าเหาะมุ่งหน้าไปยังเนินเขาพระสุเมรุ

เมื่ออสุรพรหมเห็นมหาพิชัยราชรถห้อมล้อมด้วยหมู่เทวดามากมายตรงมาทางตนก็สงสัย จึงประกาศร้องไปว่าเอ็งเป็นใครกันทำไมถึงไม่รู้จักเกรงกลัวกู กูอสุรพักตร์ผู้มีฤทธิ์ ที่ทั้งโลกนี้หามีผู้ใดเอาชนะได้ไม่ แล้วพูดต่อด้วยความมั่นใจในฤทธิ์เดชและพรที่ได้จากพระอิศวรต่อไปว่า

“เอ็งเป็นแต่เพียงมนุษย์น้อย เปรียบดังหิ่งห้อยกะจิริด

หรือจะมาแข่งแสงพระอาทิตย์ ชีวิตจะม้วยไม่พริบตา”

ฝ่ายอัชบาลได้ฟังดังนั้นก็ตอบกลับไป

“ตัวมึงดั่งหนึ่งมฤคา กูคือพญาราชสีห์

ทรงนามอัชบาลธิบดี ผ่านบุรีอยุธยาสุธาธาร

ฤาษีเทวาสุราลัย เชิญกูให้มาสังหาร

เพราะมึงประพฤติใจพาล ขุนมารจะม้วยชีวัน”

เมื่อได้ฟังดังนั้นอสุรพรหมก็โกรธแค้นพุ่งเข้ารบสู้กับอัชบาลเป็นพัลวัน ฝ่ายอสุรพรหมได้ทีเงื้อคทาเพชรฟาดเข้าใส่อัชบาล อัชบาลจึงยกพระขรรค์ขึ้นตั้งรับโดยทันทีทันใด ผลปรากฏว่าคทาเพชรของอสุรพรหมที่ฟาดลงไปถูกพระขรรค์เพชรของอัชบาลแล้วขาดออกเป็นสองท่อน ทำให้อสุรพรหมขาดอาวุธสิ้นฤทธิ์ต่อสู้ อัชบาลจึงสังหารอสุรพรหมได้อย่างง่ายดาย หลังจากได้สังหารแล้วอัชบาลจึงใช้พระขรรค์เพชรตัดคออสุรพรหมนำขึ้นมหาพิชัยราชรถเหาะกลับไปยังกรุงศรีอยุธยาท่ามกลางความชื่นชมยินดีของเหล่าเทวดานางฟ้า เมื่อกลับถึงกรุงศรีอยุธยา ก็เอาหัวของยักษ์อสุรพรหมนั้นมาเสียบและสาปไว้ให้ทำหน้าที่เฝ้าอุทยานในกรุงศรีอยุธยา

ฝ่ายมาลีวัคคพรหม ก็เข้าเฝ้าพระอิศวรเพื่อขอลาไปพำนักที่เนินเขาพระสุเมรุ จึงมาขอพรจากพระอิศวรให้มีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรก็จะเป็นไปตามนั้น ฝ่ายพระอิศวรเห็นว่ามาลีวัคคพรหมเป็นคนที่ซื่อตรง จึงมอบพรให้ตามที่ขอ และตั้งชื่อให้ว่า “ท้าวมาลีวราช” ไปประจำอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุ

ฝ่ายท้าวสหมลิวัน หนีพระนารายณ์จากทวีปรังกาไปอยู่เมืองบาดาล เมื่อรู้ว่าท้าวสหบดีพรหมสร้างกรุงลงกาและให้จตุรพักตร์ (ธาดาพรหม) ซึ่งเป็นเชื้อสายพรหมและเป็นญาติมาปกครองก็เกิดความยินดี จึงประทับบุษบกแก้วขึ้นมาจากเมืองบาดาลผ่านสะดือทะเลขึ้นมาเพื่อเดินทางมาเข้าเฝ้าท้าวจตุพักตร์ยังกรุงลงกา แล้วมอบบุษบกแก้วอันเป็นพาหนะวิเศษที่พระอิศวรมอบให้สามารถพาไปได้ทุกแห่งหนสมดังใจนึก เว้นแต่เพียงอย่างเดียวคือห้ามมิให้สตรีที่เป็นหม้ายนั่งตามคำสาปของพระอิศวร เมื่อสหมลิวันมอบบุษบกแก้วให้จตุรพักตร์ไว้เป็นของขวัญต่างหน้าแล้วก็เดินทางกลับไปอยู่เมืองบาดาลตามเดิม ส่วนท้าวจตุรพักได้ปกครองกรุงลงกาสืบต่อมาอีกหกหมื่นก็เสด็จสู่สวรรคาลัย