ติดตามผ่านช่อง : Siammongkol Youtube Channel

รามเกียรติ์

รามเกียรติ์ ตอนที่ 10 รามสูร นางเมฆขลา เทพอรชุนรบกับรามสูร

เมื่อวสันฤดู วนเวียนมาบรรจบครบอีกครั้ง ก็เป็นช่วงเวลาแห่งความหรรษา รื่นเริงของเหล่านางฟ้า เทวดา ด้วยเป็นฤดูกาลแห่งการเล่นน้ำฝนของสวรรค์ อันแสนสนุกสนานของเหล่าเทวดา โดยเทวดานางฟ้า ต่างก็จะออกจากวิมาน มาเฉลิมฉลองด้วยมหรสพ เต้นระบำรำฟ้อนด้วยเสียงดนตรี กันถ้วนทั่วทั้งเมืองฟ้าเมืองสวรรค์

อรชุนเทพบุตร ผู้ที่เคยต่อสู้กับทศกัณฐ์และใช้ธนูศรนาคารัดทศกัณฑ์ ทราบข่าวว่าเหล่าเทวดานางฟ้าออกมารื่นเริงกัน ก็แต่งองค์ทรงเครื่องเทวดาสวยงาม ออกจากทิพยวิมาน จับพระขรรค์อาวุธคู่กาย เหาะออกไปยังที่ชุมนุมครื้นเครงของเหล่าเทวดา คอยเฝ้าดูความครื้นเครงด้วยความบันเทิงเริงใจ

นางเมขลาเทวี เป็นเทพธิดาสถิตอยู่ในวิมานสมุทรไท เป็นนางฟ้าผู้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องทะเลและมหาสมุทร โดยมีแก้วมณีเมขลาเป็นสมบัติคู่กายโดยแก้วมณีเมขลานี้เป็นลูกแก้ววิเศษมีแสงแวววับจับตา ครั้นถึงเวลาเฉลิมฉลองแห่งวสันตฤดูครานี้เช่นกัน นางก็ก็ทรงเสื้อผ้าอาภรณ์ รำฟ้อนดวงแก้วมณี ออกมายังเทวมหาสมาคมด้วย

ยังมีรามสูร อสูร เทวบุตรผู้หนึ่ง สถิตในกลีบเมฆเมืองฟ้าอย่างมีความสุขเสมอมา โดยรามสูรผู้นี้มีอิทธิฤทธิ์เป็นที่กริ่งเกรง แก่เทวดานางฟ้าทั่วสวรรค์ ด้วยมีอาวุธคู่กายคือ ขวานเพชร เป็นผู้ไร้ผู้เทียมทานไปทั้งหกสวรรค์ชั้นฟ้าทั่วโลกและบาดาล เมื่อถึงเวลาหรรษาเริงสำราญ ขุนมารก็แต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วรีบเหาะมาด้วยความเร็วดุจลมพัด แกว่งกวัดขวานซ้ายขวา แล้วเกิดแสงแปลบปลาบวาบวาว มองไปเห็นนางเมขลารำล่อแก้วอยู่แววไว ก็คิดที่อยากได้แก้วมณีได้มาครอบครองเป็นของตัวงเอง จึงได้เหาะไปหมายจะแย่งชิง

ขณัที่เหล่านางฟ้าเทวดากำลัง ระบำรำฟ้อนกันอย่างระรื่นชื่นสุข เห็นรามสูรเหาะไล่ล่านางเมขลา ก็ตกอกตกใจ หลบเข้าวิมานกันวุ่นวาย ด้วยเกรงภัยจากขวานเพชรแห่ง รามสูร เมื่อเหล่าเทวดานางฟ้าอื่นๆ หลบเข้าวิมานไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงนาง เมขลารำหลบเข้ากลีบเมฆไวๆ รามสูรจึงรีบเหาะตามไล่ไป นางเมขลามองเห็นรามสูรเหาะตามมาก็ทำท่า รำร่าย วนซ้ายขวาเลาะเลี้ยวไปมาเพื่อยั่วเยาะขุนมาร รำแก้วล่อไปมา แสงวาวจากแก้วมณีก็แวววับจับตา รามสูรเห็นดังนั้นก็ยิ่งเดือดดาล จึงจับขวานแกว่งกวัด แล้วขว้างขวานออกไป เรื่องนี้เป็นที่มาของฟ้าแลบฟ้าร้องในคติความเชื่อ ครั้งปรำปรา เป็นนิทานเล่าขานกันสืบมา ขวานฟ้าหมุนละลิ่วดั่งเปลวแต่ขว้างออกไปมิได้ต้องกายของ นางเมขลา แม้แต่น้อย ทำให้รามสูรยิ่งเดือดไปใหญ่ แล้วเหาะไปจับ นางเมขลาเป็นพัลวัล

จนเหาะผ่านมาพบอรชุนเทวบุตร ในมือถือพระขรรค์สุรกานต์เหาะผ่านตัดหน้าพญายักษ์ไป ด้วยความโกรธอยู่แล้วจึงร้องถาม

“ตัวมึงนี่ช่างอหังการ อาจหาญ เหาะผ่านกูไม่ไว้หน้า มึงมีนามชื่อว่าอะไร หารู้ไม่กูนี่รามสูร เทวาสุรารักษ์ เกรงไปทุกฟ้าทั่วราศี หารู้ไม่ว่าตัวกูเป็นดังกองอัคคี วันนี้จะผลาญ มึงให้บรรลัย”

เทพ อรชุน ตอบไปว่า “อันนามกรของกูหรือ ชื่อว่า อรชุน ผู้กล้า เหาะผ่านมาทางเมฆา ตัวข้าไปเหยียบหัวมึงหรืออย่างไร ตัวกูก็เป็นชายผู้กล้าหาญ ปราบมารมานับมิได้ แม้แต่ทศกัณฐ์ สิบหน้ายี่สิบมือ กูก็ยังเคยจับมันมัดได้ แล้วมึงสองมือหรือจะมาสู้กูได้อย่างไร”

แล้วสองเทวบุตรผู้มีฤทธิไกรก็เหาะขับเข้าต่อสู้กัน มือซ้ายอรชุนเข้าจับได้ทางหัวยักษา มือขวาก็เงื้อพระขรรค์ฟัน แต่รามสูร สลัดกายหลบ ได้ทันท่วงที หลุดออกมาก็กระโดดขึ้นเหยียบบ่า รามสูรจับได้ชฎาของอรชุน เงื้อขวานจะบั่นคอเสียให้ขาด แต่พลาดโดนสลัดตกลงไป ได้ทีอรชุนก็กระโดดขึ้นเหยียบไหล่ ฟาดฟันลงไปพัลวัน แต่รามสูรก็หลบหลีกได้ทัน พลันให้อรชุนเสียหลัก พลัดตกลงจากบ่า คว่ำหน้าลงไป รามสูรรีบคว้าได้ข้อเท้าอรชุนเหวี่ยงออกไป ฟาดเข้ากับเหลี่ยมเขาพระสุเมรุ อรชุนสิ้นใจตายในทันที เขาพระสุเมรุก็เอียงทรุด ตามไปด้วยกำลังฟาดของยักรามสูร เสียงดังกัมปนาท สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นฟ้า เมื่อชนะแล้วก็รีบเหาะกลับไปวิมานของตน

พระอิสวน เห็น พระสุเมรุเอียงทรุดลงตรงหน้าก็ตกใจ จึงรีบมีบัญชาออกไปให้เหล่าเทวา พญาครุฑทา และนาค มาช่วยกันฉุด ตั้งรั้ง เขาพระสุเมรุ แกนของจักรวาลให้ตรงขึ้นดังเดิมให้จงได้